วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ท็อป เรื่องวิทยาศาสตร์ปี 2005

1. แขนขาเทียมเสมือนจริง

วันหนึ่งมนุษย์จะสามารถควบคุมแขนขาเทียมให้ทำงานด้วยการสั่งการของสมองเหมือนสมองควบคุมแขนขาของมนุษย์จริงๆ ได้ งานวิจัยขั้นต้นทำโดยการติดตั้งแขนกลกับลิง ผลปรากฏว่าสมองของลิงสามารถสั่งการให้แขนกลหยิบผลไม้ได้โดยผ่านทางคอมพิวเตอร์ที่ติดไว้กับสมอง การศึกษาเพิ่มเติมพบว่าลิงมีปฏิกิริยาต่อแขนเทียมเสมือนเป็นแขนจริง งานวิจัยนี้มีความน่าสนใจจนกองทัพสหรัฐต้องแถลงว่าการวิจัยเพิ่มเติมจะต้องป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก
2. สัญญาณบ่งชี้สิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร
การสำรวจดาวอังคารยังคงเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก ปัจจุบันมียานอวกาศอยู่ที่นั่นถึง 3 ลำ และยังมีรถหุ่นยนต์สำรวจ "สปิริต" และ "ออพพอร์จูนิตี้" ปฏิบัติการอยู่ด้วย นักวิทยาศาสตร์พบสัญญาณบางอย่างที่บ่งชี้ว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร นั่นคือพบก๊าซมีเทนในบรรยากาศซึ่งอาจมาจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กใต้พื้นผิวปล่อยก๊าซนี้ออกมา ต่อมาค้นพบว่ามีน้ำแข็งใต้พื้นผิวในบริเวณที่มีก๊าซมีเทน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน้ำแข็งคือแหล่งของน้ำที่เป็นของเหลวซึ่งสนับสนุนการกำเนิดสิ่งมีชีวิต


3. พบดาวเคราะห์เหมือนโลก
รอคอยกันมานานถึง 10 ปี ในที่สุด เจฟ มาร์ซี และพอล บัตเลอร์ กับทีมงานก็ทำสำเร็จ ด้วยการค้นพบดาวเคราะห์หิน "ซุปเปอร์ เอิร์ธ" ซึ่งมีมวลมากกว่ามวลของโลก 7.5 เท่า ที่ดาวฤกษ์ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 15 ปีแสง การค้นพบครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะชี้ว่าอาจมีดาวเคราะห์หินขนาดเท่าโลกอยู่ทั่วไปในจักรวาล และนั่นหมายถึงว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตอยู่ทั่วไปในจักรวาลด้วย มาร์ซีกล่าวหลังการค้นพบว่า "ผมจินตนาการว่าดาวฤกษ์ส่วนใหญ่มีดาวเคราะห์หินเหมือนโลกเป็นบริวาร"

4. กำเนิดหลุมดำ

จะว่าเป็นการค้นพบทางดาราศาสตร์ก็ว่าได้ หรืออย่างน้อยก็เป็นการยืนยันทฤษฎีการกำเนิดหลุมดำทฤษฎีหนึ่งที่อธิบายว่าหลุมดำแบบหนึ่งเกิดจากดาวนิวตรอนรวมตัวกัน นักดาราศาสตร์พบว่ามันเป็นจริง เมื่อกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินหลายกล้องตรวจพบการระเบิดอย่างรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 2.2 พันล้านปีก่อน แต่แสงเพิ่งเดินทางมาถึงโลก มันเกิดจากดาวนิวตรอนสองดวงรวมตัวกันเป็นหลุมดำ

5. ปกป้องโลกจากดาวเคราะห์น้อย

เป็นข่าวให้ตื่นเต้นกันอยู่ทุกปีกับการค้นพบดาวเคราะห์น้อยที่มีวิถีโคจรซึ่งอาจจะชนโลกในอนาคต ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าไม่วันใดก็วันหนึ่ง โลกเราจะต้องถูกดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางดวงใดดวงหนึ่งชน และหนทางที่จะปกป้องโลกของเราได้คือต้องรู้องค์ประกอบของหินอวกาศก่อนเพื่อที่จะทำลายมันได้อย่างถูกวิธี เมื่อยานดีฟอิมแพกต์เดินทางไปปล่อยยานลูกให้พุ่งชนดาวหางเทมเพล 1 เพื่อศึกษาองค์ประกอบของดาวหางจึงเป็นเรื่องที่คนทั่วโลกให้ความสนใจกันมาก วันนี้นักวิทยาศาสตร์และมนุษย์อวกาศกำลังเรียกร้องให้นาซาทำการสำรวจดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส (Apophis) ขนาด 390 เมตร ซึ่งมีโอกาสชนโลกในปี 2036 การชนของมันจะมีอำนาจทำลายล้างมากกว่าระเบิดปรมาณูที่ทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาถึง 100,000 เท่า

6. ถอดรหัสพันธุกรรมลิงซิมแปนซี



ความก้าวหน้าอย่างที่สุดของสาขาชีววิทยาในช่วงสองทศวรรษคือการศึกษาจีโนม พิมพ์เขียวของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเรียกง่ายๆ ว่าดีเอ็นเอ หรือสารพันธุกรรม โครงการ Human Genome Project ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ประเทศต่างๆ หลายร้อยคนเพื่อ "ถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์" เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น นอกจากนั้น ความก้าวหน้าของการศึกษาจีโนมอีกอย่างหนึ่งคือการศึกษาจีโนมข้าว ทว่าปี 2005 เป็นปีที่เด่นของการศึกษาจีโนม เมื่อนักวิทยาศาสตร์ทำการถอดรหัสจีโนม หรือดีเอ็นเอของลิงชิมแปนซี ญาติใกล้ชิดที่สุดของมนุษย์

7.ภาวะโลกร้อน

ปี 2005 มีหลักฐานมากมายที่แสดงว่าโลกร้อนขึ้นจากภาวะเรือนกระจกซึ่งเป็นฝีมือของมนุษย์ หลักฐานที่ว่าได้แก่ ธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็วและในปริมาณที่มากจนน่าตกใจ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การอพยพของสัตว์ และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำหลายสายพันธุ์ลดจำนวนลง น้ำในทะเลสาบในซีกโลกเหนือ 125 แห่งแห้งขอด เกิดพายุเฮอร์ริเคนที่รุนแรงในมหาสมุทรแอตแลนติก และเกิดความแห้งแล้งในหลายพื้นที่ของโลก อาทิ ลุ่มน้ำอะเมซอน




8.หุ่นยนต์เสมือนคน





สุดยอดเทคโนโลยีทางวิศวกรรมในทศวรรษนี้คือเทคโนโลยีการสร้าง "หุ่นยนต์" เป้าหมายระยะยาวก็คือสร้างให้มันเหมือนมนุษย์มากที่สุดหรือเป็นหุ่นยนต์เสมือนมนุษย์ (Humanoid) ที่ก้าวหน้ากว่า "อาซิโม" ของฮอนด้า และคิวริโอของโซนี่ ปัจจุบันนักนักวิจัยหลายทีมสามารถสร้างหุ่นยนต์ที่เดินได้อย่างมนุษย์แล้ว บางทีมสามารถสร้างหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ นักวิจัยของนาซาสามารถสร้างหุ่นยนต์ที่รับรู้สิ่งต่างๆ ได้







































ไม่มีความคิดเห็น: